จีโอนอยซ์ – พันธมิตรที่คุณไว้ใจได้ด้านอะคูสติกและการควบคุมเสียง

คำพิพากษาศาลปกครอง (กันยายน 2568): โรงงานถูกสั่งปิดชั่วคราวตาม พ.ร.บ. โรงงาน จากเสียงดังและมลพิษทางอากาศ

วันที่คำพิพากษา: กันยายน 2568
ศาล: ศาลปกครองกลาง
คดีหมายเลขแดงที่ …/2568 (รอการตรวจสอบจากสำเนาคำพิพากษา)

คำพิพากษาศาลปกครอง
คำพิพากษาศาลปกครอง

ภูมิหลังของคดี

ประชาชนที่อยู่อาศัยในชุมชนใกล้โรงงานผลิตชิ้นส่วนโลหะแห่งหนึ่ง ได้รับความเดือดร้อนอย่างรุนแรงจากเสียงเครื่องจักรที่ดังต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน เสียงดังดังกล่าวสร้างผลกระทบต่อการนอนหลับ คุณภาพชีวิต และสุขภาพโดยรวมของผู้อยู่อาศัย

นอกจากเสียงแล้ว ยังมีควันและฝุ่นละอองจากการผลิตที่ฟุ้งกระจายเข้าสู่บริเวณบ้านเรือนใกล้เคียง ส่งผลให้เกิดการร้องเรียนไปยังหน่วยงานท้องถิ่นและกรมโรงงานอุตสาหกรรมหลายครั้ง แต่ไม่ได้รับการแก้ไขที่เป็นรูปธรรม

ในที่สุด ชาวบ้านจึงนำคดีเข้าสู่ศาลปกครอง เพื่อขอให้มีการระงับเหตุรำคาญและคุ้มครองสิทธิในการอยู่อาศัยอย่างสงบสุข


คำวินิจฉัยของศาล

ศาลปกครองพิเคราะห์แล้วเห็นว่า

  1. เสียงจากเครื่องจักรและฝุ่นละอองควันที่เกิดขึ้นจากโรงงาน เข้าข่ายเป็น เหตุรำคาญตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535

  2. โรงงานอยู่ภายใต้บังคับของ พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ซึ่งให้อำนาจเจ้าพนักงานโรงงานสั่งระงับหรือเพิกถอนใบอนุญาตได้หากผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด

  3. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องละเลยการแก้ไขปัญหา ทั้งที่ได้รับการร้องเรียนซ้ำหลายครั้ง

ด้วยเหตุนี้ ศาลจึงมีคำสั่งว่า:

  • โรงงานต้อง หยุดประกอบกิจการชั่วคราว เพื่อแก้ไขปรับปรุงปัญหาเสียงและมลพิษ

  • หากผู้ประกอบการไม่ดำเนินการตามคำสั่ง หน่วยงานรัฐมีอำนาจ เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการ ตามมาตรา 39 แห่ง พ.ร.บ. โรงงาน


ผลกระทบต่อชุมชน

หลังจากมีคำสั่งของศาล ชุมชนได้รับผลเชิงบวกอย่างเห็นได้ชัด:

  • ระดับเสียงลดลง ทำให้การพักผ่อนและการนอนหลับกลับสู่ภาวะปกติ

  • ฝุ่นละอองและควันลดลง สุขภาพของประชาชนดีขึ้น

  • เกิดความมั่นใจว่าหน่วยงานรัฐสามารถใช้อำนาจบังคับให้โรงงานรับผิดชอบต่อสังคม


บทเรียนสำคัญ

  1. ใบอนุญาตไม่ใช่เกราะคุ้มกัน – แม้โรงงานจะมีใบอนุญาตประกอบกิจการ แต่หากก่อให้เกิดผลกระทบ ศาลก็สามารถสั่งระงับหรือเพิกถอนใบอนุญาตได้

  2. มาตรการป้องกันต้องมาก่อน – ผู้ประกอบการควรลงทุนในมาตรการลดเสียงและมลพิษตั้งแต่ต้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อพิพาท

  3. หลักฐานทางวิชาการมีความสำคัญ – ศาลอ้างอิงข้อมูลการตรวจวัดเสียงและฝุ่นละอองเป็นหลักฐานสำคัญ

  4. หน่วยงานรัฐต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจัง – หากเพิกเฉย ศาลสามารถเข้ามากำกับและชี้ขาดได้


บทสรุป

คำพิพากษานี้ตอกย้ำว่า ปัญหาเสียงและมลพิษไม่ใช่เรื่องเล็ก และศาลปกครองพร้อมที่จะปกป้องสิทธิของประชาชน ด้วยการสั่งปิดหรือระงับโรงงานที่ละเมิดกฎหมาย การจัดการเสียงและมลพิษจึงเป็นหน้าที่สำคัญที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม


หมายเหตุ (Editor’s Note)

คดีนี้เป็นคนละคดีกับที่ Geonoise เคยเผยแพร่เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2568 เกี่ยวกับ เสียงจากอู่รถโดยสารและแรงสั่นสะเทือน โดยคดีนี้เกี่ยวข้องกับ โรงงานที่ถูกสั่งปิดชั่วคราวตาม พ.ร.บ. โรงงาน เนื่องจากเสียงดังและมลพิษทางอากาศ

คำพิพากษาศาลปกครอง (กันยายน 2568): โรงงานถูกสั่งปิดชั่วคราวตาม พ.ร.บ. โรงงาน จากเสียงดังและมลพิษทางอากาศ
Scroll to top