จีโอนอยซ์ – พันธมิตรที่คุณไว้ใจได้ด้านอะคูสติกและการควบคุมเสียง

คำพิพากษา/คำสั่งศาลแพ่ง (อ่างทอง): ศาลรับฟ้องคดีสิ่งแวดล้อม “Thai Rayon” — ชุมชนเรียกค่าเสียหาย 74 ล้านบาท จากเสียง กลิ่น และน้ำเสีย

วันที่: 16 พฤษภาคม 2568
ศาล: ศาลแพ่ง จังหวัดอ่างทอง (คดีสิ่งแวดล้อม)
คดีหมายเลขดำ: ส.1/2568
สถานะ: คดีอยู่ระหว่างพิจารณา (ศาลรับฟ้องแล้ว)


บทนำ

คดีนี้เป็นหนึ่งในคดีสิ่งแวดล้อมที่น่าจับตาในปี 2568 เมื่อชุมชนตำบลจำปาหล่อ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง รวมตัวกันฟ้องร้อง บริษัท Thai Rayon จำกัด (มหาชน) และกรรมการบริษัทรวม 7 ราย โดยอ้างว่ามี มลพิษทางเสียง กลิ่นสารเคมี และน้ำเสีย สร้างผลกระทบต่อสุขภาพ คุณภาพชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนเป็นเวลานาน พร้อมเรียกค่าเสียหายรวม ประมาณ 74 ล้านบาท ศาลแพ่งจังหวัดอ่างทองมีคำสั่ง รับฟ้องเป็นคดีสิ่งแวดล้อม เพื่อพิจารณาพยานหลักฐานและมาตรการเยียวยาต่อไป


ภูมิหลังคดี: ข้อกล่าวหาหลักของชุมชน

  • เสียงรบกวนจากกระบวนการผลิต: เครื่องจักรและกิจกรรมในโรงงานส่งเสียงดังรบกวนในช่วงเวลาทำงานที่ยาวนาน

  • กลิ่นสารเคมี: กลิ่นฟุ้งกระจายจากกระบวนการผลิต ส่งผลต่อความสบายในการอยู่อาศัยและสุขภาพ

  • น้ำเสีย: มีข้อร้องเรียนเรื่องคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติและผลกระทบต่อระบบนิเวศท้องถิ่น


ประเด็นในทางกฎหมาย (Noise & Environmental Nuisance)

  1. เสียง = มลพิษที่ฟ้องร้องได้
    ศาลไทยมีแนวทางวินิจฉัยที่ชัดเจนมากขึ้นว่า “เสียงรบกวน” เป็นส่วนหนึ่งของ เหตุรำคาญ/มลพิษ ที่ชุมชนสามารถใช้สิทธิฟ้องร้องได้ โดยเฉพาะเมื่อมีผลกระทบต่อสุขภาพและการอยู่อาศัยอย่างปกติสุข

  2. หลักฐานเชิงเทคนิคมีความสำคัญ
    รายงานการวัดเสียง (เช่น LAeq/Lmax), วิธีการวัด, ตำแหน่งไมโครโฟน, เวลาและสภาพแวดล้อม เป็นหลักฐานสำคัญในการสนับสนุนข้อเท็จจริง

  3. คดีสิ่งแวดล้อมและการเยียวยา
    นอกจากค่าเสียหาย ศาลอาจพิจารณา มาตรการแก้ไข/บรรเทา เพื่อป้องกันความเสียหายต่อไป เช่น ปรับปรุงระบบควบคุมเสียง กลิ่น และน้ำเสีย


คำสั่งของศาล: รับฟ้องเป็นคดีสิ่งแวดล้อม

ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ศาลแพ่งจังหวัดอ่างทองมีคำสั่ง รับฟ้อง คดีนี้เป็น คดีสิ่งแวดล้อม (คดีหมายเลขดำ ส.1/2568) ซึ่งหมายความว่าศาลเห็นว่ามีมูลเพียงพอที่จะเข้าสู่กระบวนพิจารณา โดยจะมีการไต่สวนพยานหลักฐานและพิจารณาคำร้องต่าง ๆ ทั้งด้านค่าเสียหายและแนวทางการแก้ไขผลกระทบ


ผลกระทบและความหมายต่อภาคอุตสาหกรรม

  • ความเสี่ยงด้านกฎหมายเพิ่มขึ้น สำหรับโรงงานที่อยู่ใกล้ชุมชน โดยเฉพาะกรณีเสียง กลิ่น และน้ำเสียที่สะสมยาวนาน

  • ต้องมีระบบกำกับดูแลมลพิษอย่างจริงจัง และตรวจวัดอย่างสม่ำเสมอ (พร้อมบันทึกและรายงาน)

  • Stakeholder Communication: การสื่อสารกับชุมชนและหน่วยงานกำกับอย่างโปร่งใสจะช่วยลดความตึงเครียดและความเสี่ยงในการฟ้องร้อง


ข้อแนะนำเชิงปฏิบัติ (สำหรับผู้ประกอบการ)

  1. ตั้ง “Noise Control Plan”

    • ปิดครอบเครื่องจักร (enclosure), ฐานยางกันสั่น (base isolation), ผนัง/ฉนวนกันเสียง, เปลี่ยนพัดลม/มอเตอร์เป็นชนิด low-noise

    • บริหารตารางการผลิต/ขนส่งเพื่อเลี่ยงช่วงเวลาที่กระทบชุมชน

  2. Monitoring & Logs

    • ตรวจวัด LAeq, Lmax ตามมาตรฐาน (Class 1 SLM, การสอบเทียบ, ตำแหน่ง/เวลา/สภาพแวดล้อมชัดเจน) และเก็บบันทึกต่อเนื่อง

  3. Odor & Wastewater Controls

    • ใช้ระบบดักกลิ่น/ดูดไอ, พิจารณา biofilter/chemical scrubber, ปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสีย และสุ่มตรวจคุณภาพน้ำปล่อย

  4. Community Engagement

    • ช่องทางรับเรื่องร้องเรียน, SLA ตอบสนอง, รายงานความคืบหน้าแก้ไข และการตรวจวัดแบบร่วมสังเกต (joint monitoring)


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

ถาม: ถ้ายังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด จะกระทบการผลิตอย่างไร?
ตอบ: แม้ยังไม่มีคำพิพากษา ศาลสามารถมี คำสั่งระหว่างพิจารณา (คุ้มครองชั่วคราว) เพื่อบรรเทาผลกระทบ เช่น สั่งให้ลดเสียงหรือแก้ไขระบบ จึงควรเตรียมมาตรการล่วงหน้า

ถาม: ต้องใช้เครื่องมือวัดเสียงระดับไหน?
ตอบ: แนะนำ Class 1 ตาม IEC 61672 พร้อมใบสอบเทียบล่าสุด และต้องบันทึกรายละเอียด วิธีการวัด อย่างครบถ้วน


สรุป

คดี Thai Rayon (ส.1/2568) สะท้อนว่าสิทธิของชุมชนต่อสิ่งแวดล้อมและความสงบสุขได้รับความคุ้มครองทางกฎหมาย เสียง กลิ่น และน้ำเสีย ไม่ใช่เรื่องเล็ก ผู้ประกอบการจึงควรมุ่งจัดการเชิงรุกด้วย มาตรการทางวิศวกรรม + การตรวจวัดที่เชื่อถือได้ + การสื่อสารกับชุมชน


ข้อมูลอ้างอิง/ลิงก์ภายนอก

  • ข่าว/รายงานคดีสิ่งแวดล้อม Thai Rayon (เพิ่มลิงก์สื่อหรือประกาศที่คุณถืออยู่)

  • กฎหมายที่เกี่ยวข้อง: พ.ร.บ. การสาธารณสุข, พ.ร.บ. โรงงาน, กฎหมาย/ประกาศมาตรฐานเสียงที่บังคับใช้ในบริบทท้องถิ่น

มูลค่าคดี 74 ล้านบาท (เสียง+กลิ่น+น้ำเสีย)ศาลแพ่งรับฟ้อง “Thai Rayon”
Scroll to top